Tuesday, July 16, 2019

โปรเจคนี้ดี : เรียนรู้จากอดีต อับเดทความฝัน Netflix vs Blockbuster

โปรเจคนี้ดี : เรียนรู้จากอดีต อับเดทความฝัน
.
ในอดีตที่ผ่านมามีธุรกิจมากมายให้เราได้เห็น และเป็นตัวอย่างให้เราได้ “ฝัน” ว่าซักวันหนึ่งเราจะเป็นเจ้าของธุรกิจแบบนี้ คำถามคือ ธุรกิจที่เป็นโมเดลในฝันของเราในวันนั้นเป็นธุรกิจที่ใช่ในเวลานี้หรือเปล่า?
.
“คุณแม่เคยฝันอยากมีร้านขนมปังนมสด แต่วันนี้คุณแม่พร้อมแล้วที่จะทำให้ฝันเป็นจริง”
“คุณยายอยากเปิดร้านอาหารไทย ลูกหลานรักคุณยายมากเลยจะเปิดให้”
“คุณน้องชายอยากเปิดร้านวิดิโอเกม กำลังระดมเงินทุนจากเพื่อนๆ เตรียมตัวเปิด”
.
แต่ละคนมีความฝันที่แตกต่างกัน เมื่อเราได้ยินเขาว่าอยากทำอย่างโน้นอย่างนี้ ก็อย่าเพิ่งไปเบรคความฝันของเขา แต่เราควรพยายามเข้าใจเขา และทำให้เขาเข้าใจว่า “ความฝันนั้นเป็นไปได้แต่ต้องปรับให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบันด้วย” ลองมาดูตัวอย่างธุรกิจที่เคยเฟื่องฟูในอดีตเป็นสิบๆปี เมื่อมีธุรกิจใหม่เปลี่ยน ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิม
.

.
BlockBuster เป็นร้านวิดิโอให้เช่าทั้งภาพยนตร์และวีดิโอเกม เหมือนกับร้านให้เช่าวีดิโอสมัยก่อนในบ้านเรา (ที่บ่อยครั้งถ้าเช่าเกินกำหนดเวลาก็ต้องเสียค่าปรับ) ธุรกิจเริ่มต้นในปี 1985 และ ขยายตัวไปทั่วโลก ในร้านจัดแบ่งประเภทของหนังเป็นโซนๆ เหมือนห้องสมุด โซนหนังใหม่มักจะอยู่ด้านหน้าสุดใกล้กับเคาน์เตอร์ชำระเงิน และใกล้กับประตูทางออก ภายในร้านยังขายลูกอม ขนมถุง ป็อปคอร์น และสแน็ค เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับร้านและหวังให้ลูกค้าซื้อกลับไปพร้อมกับการเช่าวิดีโอ วันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ จะเป็นช่วงไพรม์ไทม์ ราคาเช่าวิดิโอจะแพงกว่าวันปกติเพราะเป็นช่วงเวลาที่คนดูหนังกันมากที่สุด ในปี 2004 จุดสูงสุดของธุรกิจมีพนักงานมากถึง 84,300 คน และมีสาขามากกว่า 9,000 สาขา ทั่วโลก
.
ปี 2010 BlockBuster ประกาศล้มละลาย และร้านค้าสุดท้ายถูกปิดตัวลงในเวลาต่อมา ธุรกิจใหม่ที่เข้ามาแทนที่คือ NetFlix เป็นการให้บริการดูหนังออนไลน์ผ่านการใช้ Home Video Steaming on Demand เราไม่ต้องเดินไปร้านเช่าวีดิโอเพื่อเช่าวีดิโอ และเดินกลับบ้านเพื่อดูหนัง ดูเสร็จแล้วต้องเดินเอากลับไปคืนที่ร้าน ถ้าโชคร้ายยืมไปเกินวันก็ต้องเสียค่าปรับ NetFlix ให้หยิบยื่นบริการให้เราถึงหน้าจอทีวีโดยที่เราไม่ต้องเดิน แถมยังเข้าใจเราว่าเราน่าจะชอบดูหนังเรื่องอะไรเป็นเรื่องต่อไป
.
ความแตกต่างของ BlockBuster และ NetFlix อยู่ที่แนวความคิดเรื่องการทำธุรกิจ BlockBuster คิดว่า ถ้าเรามี Product ที่ดี มีร้านที่ดีตกแต่งสวยงาม มีโปรโมชั่นราคาพิเศษให้กับลูกค้า มีบริการเสริมอื่นๆเช่น ขายลูกอม สแน็ค ป็อปคอร์น จะดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการในร้านมากขึ้น BlockBuster ทำตัวเองให้เป็น ศูนย์กลางในการบริการ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นแนวความคิดที่ดีในอดีต แต่ล้มเหลวในปัจจุบัน ในทางกลับ NetFlix คิดเรื่อง ลูกค้าเป็นใหญ่ จะทำอย่างไรที่จะทำให้ลูกค้าได้รับการบริการที่สะดวก สบายที่สุด? ทำไมจะต้องเดินหรือขับรถเพื่อเอาหนังไปคืน? ทำไมราคาเช่าหนังต้องแพงในวันเสาร์-อาทิตย์? ทำไมเราต้องเสียเวลาเลือกหนังเป็นวันๆ? ทำไมเราไม่เคยหาหนังที่เราอยากดูเจอซักที? ทำไมเราต้องเสียค่าปรับเพราะเราลืม? ประกอบกับการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย แนวความคิดทางธุรกิจของ NetFlix จึงอยู่ข้างเดียวกับผู้บริโภคหรือลูกค้า และใช้พฤติกรรมของลูกค้าสร้างเป็นธุรกิจ
.
เมื่อหันมามองธุรกิจในฝันของเราในวันนี้ คงต้องตั้งคำถามกันยกใหญ่เลยทีเดียวว่า รูปแบบธุรกิจของเราจะเป็นแบบไหน? จะเน้นที่ Product หรือ Service เราได้เข้าใจกลุ่มลูกค้าของเราดีพอหรือยังว่าเขามีพฤติกรรมการบริโภคเป็นอย่างไร? เราได้เข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันของธุรกิจประเภทเดียวกันมากน้อยแค่ไหน? และสุดท้าย ถ้าเราเลือกจะทำเหมือนที่คนอื่นเขาทำกันเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าธุรกิจเราจะไม่เจ๊ง
.
ไม่ว่าจะเป็นร้านนมขนาดเล็กๆซักร้านหนึ่ง หรือร้านอาหารขนาดใหญ่ 20-30 ที่นั่ง คำถามเหล่านี้ก็คงไม่ต่างกัน จะทำความฝันให้เป็นจริง ก็คงต้องคิดอย่างจริงจังและอัพเดทความฝันนั้นด้วย
.
เขียนโดย มานิตา ชีวเกรียงไกร

Research Plus

No comments:

Post a Comment